5 อันดับโปรแกรมลบไฟล์ขยะที่ดีที่สุด 2019

1 ก.ค. 2019 17987

ผู้ใช้หลายๆ ท่านที่มีโปรแกรมทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเรียกอีกอย่างว่าโปรแกรมลบไฟล์ขยะอยู่ในเครื่อง (ระบบปฏิบัติการวินโดวส์) เคยสงสัยไหมครับว่าโปรแกรมที่คุณใช้อยู่ในตอนนี้เป็นโปรแกรมที่ดีที่สุดแล้วหรือยัง ?

สำหรับบทความนี้ผมได้รวบรวมโปรแกรมลบไฟล์ขยะที่มีการอัปเดตอยู่สม่ำเสมอ และคิดว่าบางโปรแกรมอาจจะเป็นที่รู้จักดี และบางโปรแกรมได้รับความนิยมสูงจากยอดดาวน์โหลด แต่ก็ยังมีบางโปรแกรมที่ผมไม่ได้เอามาเปรียบเทียบนั่นเพราะว่าเกิดข้อผิดพลาดไปนิดหน่อย สาเหตุเพราะอะไรนั้นมีอยู่ท้ายบทความครับ

โปรแกรมทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผมนำมาทดสอบมีทั้งหมด 8 โปรแกรม ได้แก่ CCleaner, Wise Disk Cleaner, Glary Utilities, Privacy Eraser, Ashampoo WinOptimizer 2019, Advanced SystemCare, WinUtilities และ PrivaZer ทั้งหมดนี้มีหนึ่งในคุณสมบัติที่เหมือนกันคือ

  1. ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 (64-bit)
  2. ทำความสะอาดล้างไฟล์ขยะของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ได้
  3. ล้างไฟล์ขยะที่อยู่ในถังขยะ Recycle Bin ได้
  4. ลบไฟล์ Cache (ไฟล์ชั่วคราว) ของแต่ละเบราว์เซอร์ได้
  5. ลบไฟล์ขยะที่เกิดจากการใช้งานโปรแกรมต่างๆ ภายในเครื่องได้
  6. ลบคุ๊กกี้

5 อันดับโปรแกรมลบไฟล์ขยะที่ดีที่สุด 2019

1. Wise Disk Cleaner

โปรแกรมทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์จากค่าย WiseCleaner ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเฉพาะด้านการลบไฟล์ขยะ จัดการกับไฟล์ระบบ และจัดเรียงดิสก์ (Disk Defrag) รวม 3 คุณสมบัติในหนึ่งโปรแกรม และยังมีอินเตอร์เฟสที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนน่าใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการใช้คุณสมบัติอื่นๆ ที่มากกว่านี้แนะนำว่าให้ลองใช้ Wise Care 365 ซึ่งจะมีความสามารถของหลายๆ โปรแกรมในค่ายรวมเข้าด้วยกัน รวมถึงคุณสมบัติของ Wise Disk Cleaner ด้วย

จากผลการสแกนหาไฟล์ขยะภายในเครื่องแล้วพบว่าเป็น Wise Disk Cleaner สามารถสแกนเจอไฟล์ขยะมากที่สุด รวมทั้งหมดแล้วมีขนาด 1.45 GB ซึ่งมากกว่าโปรแกรม CCleaner ไปประมาณ 400 MB เป็นเพราะผมตั้งค่าให้สแกนคล้ายๆ กัน หากนับแบบติดตั้งแล้วสแกนจะมีบางส่วนที่โปรแกรม Wise Disk Cleaner มองข้ามไปแต่ไม่มาก

2. CCleaner

โปรแกรมลบไฟล์ขยะ ซ่อมแซมรีจีสทรี จัดการสตาร์ทอัพ จัดเรียงดิสก์ ถอนการติดตั้งโปรแกรมต่างๆ แต่คุณสมบัติที่ใช้งานมากที่สุดคือใช้ทำความสะอาดเครื่อง สำหรับ CCleaner เป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันก็เป็นโปรแกรมที่ผมใช้ประจำเครื่องอยู่ โปรแกรมมีอินเตอร์เฟสที่ไม่ซับซ้อนง่ายต่อการใช้งาน และคุณสมบัติที่ทำงานอัตโนมัติแต่ต้องอัพเกรดเป็นแบบ Pro

ผลการสแกนพบไฟล์ขยะรวมทั้งหมด 1036 MB หรือประมาณ 1 GB ถือว่าเยอะเป็นอันดับสอง

3. Glary Utilities

โปรแกรมยูทิลิตี้หนึ่งที่มีลักษณะการทำงานใกล้เคียงกับ CCleaner โดยส่วนใหญ่แล้วมีเกือบทั้งหมด บางคุณสมบัติสามารถใช้ฟรีเทียบกับโปรแกรม CCleaner ที่มีใช้ในแบบ Pro แต่ไม่สามารถตั้งค่าได้จนกว่าจะใช้แบบ Pro นอกจากคุณสมบัติที่ใช้สำหรับลบไฟล์ขยะแล้ว ที่เด่นๆ ก็คือสามารถเช็คอัปเดตเวอร์ชั่นของซอฟต์แวร์ภายในเครื่องได้ ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ไม่ขอกล่าวถึง อินเตอร์เฟสการใช้งานถือว่าไม่ซับซ้อนใช้งานง่าย

วิธีใช้คือคลิกที่รูปไม้กวาดด้านล่างนับจากซ้ายมืออันที่ 3 เมื่อคลิกแล้วโปรแกรมจะสแกนหาไฟล์โดยอัตโนมัติ

โปรแกรม Glary Utilities สามารถสแกนไฟล์ขยะได้ทั้งหมด 898.15 MB ซึ่งตามค่าเริ่มต้นแล้วถือว่าสแกนได้เยอะ หากมีการปรับแต่งเพิ่มเติมจะสแกนได้เยอะกว่านี้ หลังจากที่ได้ดูรูปแล้วยังมีบางจุดที่ยังไม่ได้เลือกอยู่

4. Privacy Eraser Free

โปรแกรมลบไฟล์ขยะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลายๆ ท่านอาจจะไม่เคยใช้และไม่แน่ใจว่าควรใช้ดีหรือไม่ ต้องบอกเลยว่าความสามารถไม่ได้ถูกทิ้งห่างจากโปรแกรมอันดับข้างบน แต่ด้วยการออกแบบไอคอนและการเลือกใช้สีอินเตอร์เฟสโปรแกรมไม่ดึงดูดใจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ามันไม่น่าใช้ และไม่อยากบอกต่อ (ตามความรู้สึก)

ผลการสแกนด้วยค่าเริ่มต้นพบไฟล์ขยะทั้งหมด 831.91 MB ถือว่าใกล้เคียงกับโปรแกรม Glary Utilities

5. Ashampoo WinOptimizer 2019

โปรแกรม Ashampoo WinOptimizer มีมากมายหลายรุ่นแต่ผมจะลอง 2019 สำหรับโปรแกรมนี้อาจจะเรียกว่าเป็นโปรแกรมปรับแต่งคอมพิวเตอร์ แต่จริงๆ แล้วความสามารถภายในก็จะคล้ายๆ กับโปรแกรมที่รวมคุณสมบัติปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของระบบปฏิบัติการทั่วไป และมีความสามารถในการทำความสะอาดเครื่องอยู่ด้วย

ส่วนอินเตอร์เฟสของโปรแกรมนั้นออกแบบมาได้ดี สรุปยอดรวมและให้คลิกดูรายละเอียดของการสแกนได้ ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับกำลังใช้โปรแกรมสแกนไวรัส

จากการสแกนโดยค่าเริ่มต้นพบไฟล์ขยะรวมทั้งหมด 732 MB ซึ่งถือว่าน้อยที่สุด จากโปรแกรมที่ได้ทดสอบสแกนดูอาจจะเป็นเพราะว่าค่าเริ่มต้นไม่ได้นับบางจุดที่ควรสแกน

สรุปแบบยาวๆ

จากการทดสอบทั้งหมดเกิดความผิดพลาดตรงที่โปรแกรมที่ 6 คือโปรแกรม WinUtilities ซึ่งมันทำงานโดยที่ไม่ได้สแกนหาไฟล์แต่มันทำความสะอาดให้เลยหลังจากที่ผมคลิก นอกจากนี้คุณสมบัติแทบทั้งหมดบังคับให้เราซื้อแต่เวอร์ชั่น Pro จึงขอไม่แนะนำโปรแกรมนี้ ทำให้ไม่สามารถทดสอบกับโปรแกรม Advanced SystemCare เพื่อนำมาเทียบได้ ส่วนโปรแกรม PrivaZer นั้นพยายามติดตั้งแต่ไม่สำเร็จเพราะโปรแกรมฟ้องว่าไม่รองรับภาษาในเครื่องทั้งๆ ที่ก็เป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงข้ามไปครับ

หากว่าจะใช้ความสามารถในการลบไฟล์ขยะอย่างเดียวผมแนะนำให้ใช้ Wise Disk Cleaner ซึ่งสามารถสแกนได้ลึกที่สุด และยังแบ่งความสามารถในแท็บ Slimming System ที่ล้างไฟล์ระบบจากการอัปเดตของ Windows ออกมาต่างหากซึ่งทำให้รู้สึกว่าปลอดภัย ข้อเสียยังไม่พบถ้ามีก็คงจะเป็นการตั้งค่าที่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

ส่วนใครต้องการใช้ความสามารถอื่นๆ ด้วยแต่ยังยึดความสามารถใช้งานลบไฟล์ขยะเป็นหลัก CCleaner เป็นตัวเลือกแรกที่ผมแนะนำ แต่ข้อเสียของโปรแกรม CCleaner จะมีโฆษณาแจ้งเตือนขึ้นมาให้เห็นบ้างในเวลาเปิดเครื่องครั้งแรก

นอกจากนี้โปรแกรม Glary Utilities ก็เป็นที่น่าสนใจ เพราะมีคุณสมบัติครอบคลุมหลายๆ อย่างสามารถเช็คอัปเดตเวอร์ชั่นโปรแกรมได้อัตโนมัติ แต่ข้อเสียคือบังคับให้เปิดโปรแกรมทุกครั้งเมื่อเปิดเครื่อง ยกเลิกออกไม่ได้

สำหรับอันดับที่ 4 โปรแกรม Privacy Eraser Free ถ้าไม่นับที่อินเตอร์เฟสถือว่าไม่มีข้อเสีย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นโปรแกรมที่ดีที่สุด

สุดท้ายโปรแกรม Ashampoo WinOptimizer 2019 ต้องคิดให้ดีก่อนที่จะเลือกใช้ครับ เพราะว่าโปรแกรมจะบังคับให้คุณต้องสมัครสมาชิกก่อนถึงจะใช้โปรแกรมนี้ได้ ข้อเสียอีกอย่างคือเมื่อคุณเป็นสมาชิกแล้วคุณจะได้รับอีเมลเสนอลดราคาผลิตภัณฑ์แทบทุกวัน (ยกเลิกติดตามได้)